เพลง

วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

อุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง

อุทยานแห่งชาติ พุเตย อำเภอด่านช้าง
  
ดินแดนแห่งขุนเขา ป่าหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดของเมืองสุพรรณ เป็นชายป่าผืนสุดท้ายของป่าห้วยขาแข้ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักเดินทางทีหลงใหลในธรรมชาติ ความสงบเงียบ ป่าเขา น้ำตก ความงดงามงามของดวงอาทิตย์ยามเช้า ไอหมอก ความหนาวเย็น และวิถีชีวิตของชนชาวกระเหรี่ยงสถานที่กางเต็นท์มี 3 จุดใหญ่ๆ ได้แก่
  
- หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 (ด้านวังคัน-ป่าขี)
  
- ที่ทำการอุทยานฯ พุเตย (ด้านปลักประดู่-ห้วยหินดำ)
  
- หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่ 
    
(ด้านปลักประดู่-ตะเพินคี่)






สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเขต อุทยานแห่งชาติพุเตย




ป่าสนสองใบธรรมชาติ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1
   
มีประมาณกว่า 1,300 ต้น  อยู่บนเทือกเขาพุเตยเป็น ป่าแปลกมหัศจรรย ์เพราะป่าสนจะเจริญเติบโตในพื้นที่ภูเขาสูงชัน มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตรขึ้นไป แต่ป่าสนแห่งนี้เจริญเติบโตบนพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 763 เมตรเท่านั้นสภาพป่าสมบูรณ์มาก จนได้รับเลือกให้เป็นศูนย์แม่พันธุ์ไม้สนสองใบในภาคกลาง บางต้นมีขนาดใหญ่วัดได้ถึง 2-3 คนโอบ ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 1 (พุเตย) ประมาณ 12 กิโลเมตร

หมู่บ้านกระเหรี่ยงตะเพินคี่ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่ 









   
เป็นป่าที่สวยงาม และเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านกะเหรี่ยง ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยมากว่า 200 ปี ผืนป่า และต้นน้ำตะเพินคี่ ยังคงสภาพสมบูรณ์ เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยล่องไพร เป็นดินแดนแห่งความหนาวเย็น ในหน้าหนาวอุณหภูมิจะลดลง 5-6  ํC ยอดเขาเทวดา ที่ความสูงกว่า 1000 เมตร ในวันที่อากาศเหมาะสม นักท่องเที่ยวอาจจะได้ชมทะเลหมอกที่สวยงาม และไปยืนจุดที่เป็น ดินแดนรอยต่อของสามจังหวัด สุพรรณบุรี-อุทัยธานี-กาญจนบุรี  การเดินทาง หน้าฝนควรเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนหน้าแล้งรถยนต์นั่งธรรมดาก็สามารถไปได้แต่ควรเป็นรถกระบะ


น้ำตกตะเพินคี่น้อย 
เป็นน้ำตกขนาดเล็กอยู่ใกล้กับหมู่บ้านตะเพินคี่ มีน้ำไหลตลอดปี เป็นความงดงามทางธรรมชาติ ที่คนภายนอกไม่ค่อยได้มีโอกาสไปสัมผัส เหมาะสำหรับผู้ที่รักการเดินทางแบบผจญภัยเล็กๆน้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ 
เป็นน้ำตกขนาดเล็กมีสองชั้น ความสูงประมาณชั้นละ 5-6 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี
เพราะเป็นต้นน้ำและบ่อน้ำผุด ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และยังมีถ้ำที่สวยงามที่ยังอยู่ระหว่างการสำรวจ



วนอุทยานถ้ำเขาวง, ถ้ำพุหวาย
จาก อ.ด่านช้าง ไปทาง อ.บ้านไร่-บ.สะนำ แยกซ้ายไปวนอุทยานฯ ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 1 (พุเตย) รวมระยะทาง 52 ก.ม. ผ่านวัดถ้ำเขาวง 






ขอขอบคุณ http://www.suphan.biz เเหล่งข้อมูลสำคัญ

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี (มังกรสวรรค์)

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี (มังกรสวรรค์) 

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร  หมู่บ้านมังกรสวรรค์ 

และ
 อุทยานพุทธบัญชา (พระยูไล)

   
มหัศจรรย์งานสร้าง ด้วยแรงเงิน และแรงศัทธา สถานที่รวบรวมเรื่องราวที่มากคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ห้องเรียนที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่อาจผ่านเลย
   ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สถานที่เคารพของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร ที่ซึ่งหลายคนเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้แล้ว จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุข และยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว รูปแบบ วิถีชีวิตของชนชาวจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชนชาวไทยเสมือนพี่กับน้อง เป็นสถานที่ที่สวยงาม ควรค่าแก่การแวะชม 




สถานที่สำคัญภายใน อุทยานมังกรสวรรค์ 

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง



   เป็นพุทธปฎิมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำ (Relief) ในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งเป็นศาสนาที่ชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ทิเบต ญวน เขมร นับถือ เป็นศิลปะแบบขอมเป็นรูปพระวิษณุกรรมสวมหมวกแขก ในศิลปะไพรกเม็ง อายุประมาณ 1300-1400 ปีมาแล้ว มีพระนามว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ พระนารายณ์สี่กร มีหน้าที่ช่วยเหลือมนุษย์ และเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ ประสพแต่ความสุขความเจริญ เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม ตามคำบอกเล่าต่อๆกันมา เมื่อประมาณ 150 ปีมาแล้ว มีผู้พบพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จมดินอยู่ตรงริมศาลเจ้าพ่อ ชาวบ้านจึงช่วยกันอัญเชิญขึ้นข้างบน พร้อมกับสร้างศาลใหม่ให้เป็นที่ประทับ มีคนจีนชื่อ เฮียกงเป็นผู้ดูแลรักษาเรื่อยมา
     เมื่อครั้งโบราณมีคำกล่าวว่า 
" ห้ามเจ้าไปเมืองสุพรรณจะทำให้มีอันเป็นไป " 
เมื่อ พ.ศ. 2435 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการเมืองสุพรรณ ได้ทรงสักการะเจ้าพ่อหลักเมือง ได้ประทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างศาลเพิ่มขึ้น พร้อมวางแผนให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองสุพรรณ พระพุทธเจ้าหลวงทรงพระดำรัสว่า "เข้าทีดีหนักหนา แต่เขาไม่ให้เจ้าไปเมืองสุพรรณ ว่าถ้าขืนไปจะเป็นบ้าไม่ใช่หรือ" สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าไปมาแล้วไม่เห็นเป็นอะไร ยังรับราชการมาจนบัดนี้ พระพุทธเจ้าหลวงทรงตรัสสั้นๆว่า "ไปซิ" จากนั้นพระองค์จึงเสด็จมาเมืองสุพรรณ ในคราวเสด็จประพาสต้นเมื่อ พ.ศ. 2447 และทรงกระทำพลีกรรมเจ้าพ่อหลักเมือง และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อสร้างเขื่อนรอบเนินศาล ทำชานไว้สำหรับคนที่บูชา สร้างกำแพงแก้ว ต่อตัวศาลเพิ่มเติมออกมา ข้างหน้าเป็นแบบเก๋งจีน  โดยทั่วไปศาลหลักเมืองนั้นจะทำด้วยไม้ บนยอดจะเป็นหัวเม็ด แต่หลักเมืองของสุพรรณนี้พิเศษกว่าหลักเมืองทั่วไปคือ จะเป็นหินและมีพุทธปฎิมากรอยู่ด้วย




พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร




ก่อตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน
มีความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 20 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2539 ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ของจีน แบ่งเป็นห้อง 18 ห้อง รูปแบบแปลกตาด้วยภาพ แสงสีเสียง และเทคนิกพิเศษ น่าชมเป็นอย่างยิ่ง


หมู่บ้านมังกรสวรรค์ 





       ตลาดพันปี ตั้งอยู่ภายในอุทยานมังกรสวรรค์ รูปแบบของหมู่บ้านได้จำลอง "เมืองลีเจียง" ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่โบราณอายุนับพันปี ที่มีรูปแบบที่สวยงามจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเมืองมรดกโลก
อุทยานพุทธบัญชา (พระยูไล) ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับ อุทยานมังกรสวรรค์ ภายในอุทยานมีเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมแบบจีน 5 ชั้น ประดิษฐานองค์พระยูไล หล่อด้วยทองเหลือง ปางประทับนั่งบนปัทมาสน์ มือถือเจดีย์ บุ๋งเซียง รายล้อมด้วยพระอรหันต์ จำนวน 18 องค์



อุทยานพุทธบัญชา (พระยูไล) 



      ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับ อุทยานมังกรสวรรค์ ภายในอุทยานมีเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมแบบจีน 5 ชั้น ประดิษฐานองค์พระยูไล หล่อด้วยทองเหลือง ปางประทับนั่งบนปัทมาสน์ มือถือเจดีย์ บุ๋งเซียง รายล้อมด้วยพระอรหันต์ จำนวน 18 องค์



ขอขอบคุณ http://www.suphan.biz เเหล่งข้อมูลสำคัญ

วันอังคารที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560

ประวัติของวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร

วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร  อำเภอเมือง


    
กล่าวกันเสมอมาว่า ถ้ามาเมืองสุพรรณ แล้วไม่ได้แวะมากราบไหว้หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ ก็เหมือนมาไม่ถึงเมืองสุพรรณ ด้วยที่วัดป่าเลไลยก์เป็นวัดสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุพรรณ เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นสถานที่หนึ่งในวรรณคดีเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน ในช่วงวันหยุดจะมีผู้คนมากมายมากราบไหว้ขอพร และยิ่งเป็นวันหยุดยาว จะเป็นที่ที่คนนิยมมากเป็นอันดับต้นๆของจังหวัดสุพรรณ
   ถ้าหากมีโอกาสมาเมืองสุพรรณ สถานที่แรกที่ไม่ควรผ่านเลย... แวะชมความงดงามขอหลวงพ่อโต และกราบไหว้เพื่อเป็นศิริมงคล








ประวัติวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร

   เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีอายุราว 1200 ปี ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง อยู่ทางฝั่งตะวันตกของลำน้ำสุพรรณ ห่างจากศาลากลางจังหวัด ประมาณ 4 กิโลเมตร ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าวัดป่า ภายในวิหาร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ปางป่าเลไลยก์ 
   ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า ...พระเจ้ากาเตทรงให้มอญน้อย มาบูรณะวัดป่าเลไลยก์ ภายหลังปี พ.ศ. 1724 เล็กน้อย  
หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทอง สุพรรณภูมิ (คือประทับนั่งห้อยพระบาท)  มีนักปราชญ์หลายท่านว่า เดิมคงเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา สร้างไว้กลางแจ้งอย่างพระพนัญเชิงสมัยแรกต่อมาได้มีการบูรณะ ซ่อมแซมใหม่ และทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ภายในองค์พระพุทธรูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ 36 องค์ ที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลาย



   วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี หรือท่าจีน ห่างจากฝั่งประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เนื้อที่กว้าง 82 ไร่ 1 งาน มีโบราณสถานอันเป็นประธานของวัด คือ พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ซึ่งเรียกกันว่า “ หลวงพ่อโตวัดป่าไลไลยก์” 

   ตามหลักฐานเดิมสันนิษฐานกันว่า มีอายุในราวสมัยอู่ทอง เนื่องด้วยขณะนั้น ยังไม่ได้มีการศึกษาค้นคว้า จึงเชื่อกันอย่างนั้นเรื่อยมา เมื่อมีการศึกษาค้นคว้าในระยะหลังๆ ทำให้ทราบได้ว่า วัดป่าเลไลยก์น่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า 1000 ปีขึ้นไป โดยมีหลักฐานต่างๆ จากโบราณวัตถุเป็นข้อสนับสนุน อ้างอิง เพียงพอที่จะตั้งเป็นสมมติฐานใหม่ขึ้นได้

   หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 23.47 เมตร สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีลายพระหัตถ์ถึงศาสตราจารย์หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรว่า “พระพุทธรูปป่าเลไลยก์ เป็นของเก่าก่อนวัตถุอื่น ลักษณะทันสมัยอู่ทอง และสร้างเป็นพระพุทธรูปปางแสดงพระธรรมจักรเหมือนอย่างพระประทานที่พระปฐมเจดีย์ มีกุฏิครอบเฉพาะองค์พระ มาร้างวิหารต่อชั้นหลัง ส่วนองค์พระนั้นเคยชำรุดถึงพระกรหักหาย คนชั้นหลังปฏิสังขรณ์ เมื่อมีความรู้เรื่องพระแสดงปฐมเทศนาสูญเสียแล้วจึงทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ความกล่าวในข้อนี้ยังมีข้อสังเกตด้วยพระกรเล็กกว่ากันเกือบข้างหนึ่ง และซุ้มเดิมที่สร้างวิหารก็ยังปรากฏอยู่ “

   ตามที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระวินิจฉัยว่า หลวงวัดป่าเลไลยก์ มีอายุทันสมัยอู่ทองนั้นมีความจริงอยู่บ้าง โดยความเป็นจริงแล้วอาจจะสูงกว่าสมัยอู่ทองขึ้นถึงสมันลพบุรีและทวารวดีเสียด้วยซ้ำไป เมื่อ พ.ศ. 1706 พระเจ้ากระแต ผู้ซึ่งมีเชื้อสายนเรศวรหงสาววดีพาไพรพลมาครองราชย์ที่เมืองพันธุมบุรี ได้ให้มอญน้อยเป็นเชื้อสายพระวงศ์ของพระองค์ ไปสร้างวัดสนามไชยแล้วมาบูรณะ วัดป่าเลไลยก์ในวัดลานมะขวิด แขวงเมืองพันธุมบุรี เมื่อข้าราชการบูรณะวัดแล้วพากันออกบวชเสียสิ้นสองพันคน จึงขนานนามเมืองใหม่ว่า “เมืองสองพันบุรี” พระเจ้ากาแตอยู่ในราชสมบัติ 40 ปี สวรรคต พ.ศ.1741 ซึ่งในช่วงนี้อยู่ในสมัยลพบุรี

   โดยพุทธลักษณะของหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์แล้ว พระพักตร์มีเค้าเป็นศิลปะอู่ทองกลาย ๆ เพราะพระหนุ (คาง) เป็นเหลี่ยม ความเป็นจริงแล้วพระหนุเป็นเหลี่ยม นี่ส่อเค้าให้เห็นว่าได้รับอิทธิพลถ่ายทอดมาจากศิลปะทวารวดี

   หลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ได้รับการบูรณะถึง 3 ครั้ง ครั้งแรก เมือ พ.ศ.1706 โดยมอญน้อย ครั้งที่ 2 ในสมัยอยุธยาตอนปลาย สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์ อมรินทร์ ในราชกาลที่ 3 กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดให้พระยาสีหราชเดโชไชย ไปสร้างวิหารวัดป่าเลไลยก์ ครั้งที่ 3 ในราชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้พระยานิกรบดินทร์ มาบูรณะปฏิสังขรณ์

   การบูรณปฏิสังขรณ์ในราชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นั้น อันสืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะที่ยังไม่ได้ครองราชย์ พระองค์ทรงผนวชเสด็จธุดงค์มาจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อนมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลกย์ ทรงพบเห็นวัดป่าเลไลยก์รกร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และปกครองวัด จึงทำให้สภาพของวัดป่าเลไลยก์เสื่อมโทรมมาก เมื่อเข้านมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ แล้วทรงอธิษฐานว่า ถ้าหากได้ขึ้นครองราชย์เมื่อไดก็จะมาบูรณะปฏิสังขรณ์ถวาย เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ในช่วงของการครองราชย์ โปรดเกล้าให้พระยานิกรบดินทร์มาบูรณะปฏิสังขรณ์วัดป่าเลไลยก์ โดยขุดคลองตั้งแต่วัดประตูสาร ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณ ล่องแพซุงเข้าไปจนถึงวัดป่าเลไลยก์ สร้างหลังคาข้างละสองชั้น ทำฝาผนังรอบนอก รวมหลังคาพระวิหาร ข้างละ 5 ชั้น พร้อมซ่อมองค์หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ด้วย สร้างพระพุทธรูปไว้อีก 2 องค์ อยู่ในวิหารเบื้องหน้าหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ทั้งซ้ายและขวา ประดิษฐานตราพระมงกุฏอยู่ที่หน้าบันพระวิหารเป็นเครื่องหมาย






ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.watpasuphan.com เเละเจ้าของภาาพที่ข้าพเจ้านำมาใช่้


วันอังคารที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2560

5 สถานที่น่าเที่ยว ในเมืองสุพรรณบุรี

เมืองสุพรรณบุรี ถือว่าเป็นเเหล่งท่องที่สวยกว่าที่ของประเทศไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เเละสวยงามอยู่มาก อย่าเสียเวลาเรามารู้จัก 5 สถานที่น่าเที่ยว ในเมืองสุพรรณบุรีกันเถอะ ^^

อันดับที่ 1 วัดป่าเลไลย์ 



                     วัดเก่าแก่อายุราว 1,200 ปี  เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตปางป่าเลไลยก์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณบุรี 








                 นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานที่เเห่งนี้ เเค่สถานที่เเรกก็สวยถูกใจเเล้วใช่ไหมละคะ ถ้าอยากรู้ว่าสถานที่สวยงามขนาดไหนต้องมาสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวของคุณเอง ^^ 
ที่ตั้ง : ต.รั้วใหญ่  อ.เมือง  จ.สุพรรณบุรี
การเดินทาง : ตั้งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี ริมถนนเมืองแมนหรือทางหลวงหมายเลข321


อันดับที่ 2 ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี (มังกรสวรรค์) 


                 ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง-มังกรสวรรค์ สถานที่เคารพของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพรที่ซึ่งหลายคนเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้แล้ว จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุข และยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราวรูปแบบ วิถีชีวิตของชนชาวจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชนชาวไทยเสมือนพี่กับน้อง เป็นสถานที่ที่สวยงามและแสดงถึงความภาคภูมิใจของชาวสุพรรณบุรี เเละที่สำคัญอยู่ใกล้ๆกับสถานที่เเรก ดังนั้น ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง-มังกรสวรรค์  จึงเป็นอีกที่ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ถ้าใครชอบถ่ายรูปกับสถานที่สวยๆ เเล้วละก็ ห้ามพลาด !!!







                    เป็นยังไงบ้างหล่ะคะ นี่เป็นเพียงเเค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าใครชอบถ่ายภาพบรรกาศที่สวยงามเเบบนี้
หล่ะก็เชิญเที่ยวชมได้เลยค่าาาา >< 

ที่ตั้ง : ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองสุพรรณ จ.สุพรรณบุรี 72000 
โทรศัพท์ : 035-521690 
เวลาเปิด-ปิด :  เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธและวันอังคาร เปิดให้เข้าชมวันละ 7 รอบๆ ละประมาณ หนึ่งชั่วโมงกว่า 
รอบแรก เวลา 10.00 น.รอบสุดท้ายเวลา 16.00 น.
การเดินทาง : ตั้งอยู่ภายในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี ให้ขับรถไปยัง
ตำบลโคกช้างอำเภอเดิมบางนางบวช กม.ที่ 164

อันดับที่ 3 อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี


                     ถ้าเบื่อบรรกาศตัวเมืองรถเเน่น เเออัดเสียงดัง ต้องการหนี้ความวุ่นวาย ไปพักผ่อนที่ที่เงิียบสงบ เราเเนะนำที่นี่เลย.... อุทยานแห่งชาติเพียงแห่งเดียวในจังหวัดสุพรรณบุรี ครอบคลุมพื้นที่ 198,422 ไร่ในอำเภอด่านช้าง ประกอบด้วยป่าที่สมบูรณ์เทือกเขาสลับซับซ้อนมีความลาดชันมาก ถือเป็นป่าที่ให้กำเนิดต้นน้ำลำธารหลายสาย  สถานที่ท่องเที่ยวภายในพื้นที่อุทยานฯประกอบด้วย  ป่าสนสองใบ ที่ประกอบด้วยต้นสนสองใบตามธรรมชาติกว่า3,000ต้นน้ำตกตะเพินคี่น้อย ซึ่งมีน้ำมากตลอดทั้งปีน้ำตกตะเพินคี่ มีถ้ำหินปูนน้อยใหญ่มากมายซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจของทางอุทยานหมู่บ้านกะเหรี่ยงตะเพินคี่ ที่ยังคงวิถีชีวิตเรียบง่ายตามธรรมชาติ ดังที่เคยเป็นมากว่า200ปี  ฯลฯ  นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถกางเต้นท์เพื่อพักแรมได้ในบริเวณที่ทางอุทยานกำหนดให้ 





                  เป็นไงบ้างหล่ะค่ะ ถ้าต้องการหนี้ความวุ่นวาย อยากสัมผัสบรรกาศบนเขาเเบบนี้ ไม่ต้องไปไกล สุพรรณบุรี บ้านเราก็มี 
ที่ตั้ง : อ.ด่านช้าง  จ.สุพรรณบุรี  
การเดินทาง : จากตัวเมืองสุพรรณบุรี มาตามถนนมาลัยแมนหรือทางหลวงหมายเลข321 จนกระทั่งบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 322 เลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่นครสวรรค์ ระยะทางประมาณกม. ถึงทางแยกท่าเสด็จตรงไปเข้าทางหลวงหมายเลข3460 ระยะทางประมาณ 12 กม. จนบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 333 เลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 60 กม. จะพบทางแยกซ้ายเข้าสู่ที่ทำการอุทยานฯ 

อันดับที่ 4 ปางอุ๋งสุพรรณ อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง

                   ถ้าเบื่อภูเขาเเต่ต้องการสถานที่ร่มเย็น เงียบสงบ  วิวสวย ขอเเนะนำที่นี่เลยค่าาา ปางอุ๋งสุพรรณ อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เกิดจากความร่วมมือของชุมชน ช่วยกันพัฒนาและดูแลพื้นที่ป่าของหมู่บ้าน ให้สามารถรับนักท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย และเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่


                  บรรยากาศดี วิวสวย อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือพาครอบครัวไปพักผ่อนมากๆ
ที่ตั้ง :  บ้านพุน้ำร้อน ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ค่าพิกัด GPS 14.789441, 99.539139 

อันดับที่ 5 บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ

                  บึงธรรมชาติขนาดใหญ่ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ในพื้นที่กว่า2,000ไร่ ประกอบด้วยเขตห้ามล่าสัตว์ป่าสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำสวรรค์แห่งโลกใต้ท้องทะเล (อุโมงค์ปลา)สวนสัตว์ และอุทยานผักพื้นบ้านเฉลิมพระเกียรติ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่มรื่น อากาศดี  มีกิจกรรมเรียนรู้ให้เลือกเที่ยวชมมากมาย เหมาาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นครอบครัว  โดยภายในบึงฉวากมีบริการที่พักแบบรีสอร์ตและร้านอาหาร



                เป็นสถานที่ที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง เป็นที่เหมาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อน เเละพาลูกหลานไปดูสัตว์ทะเลที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ ในระยะใกล้ชิด เเละยังมีเเสดงโชว์ที่สนุกอีกมากมาย
ที่ตั้ง :  อ.เดิมบางนางบวช  จ.สุพรรณบุรี
วันเวลาเปิดทำการ  : เปิดทุกวัน 8.00น. - 16.30น.
การเดินทาง : จากตัวเมืองสุพรรณบุรี ตรงมาตามทางหลวงหมายเลข340 มุ่งหน้าสู่จังหวัดชัยนาท ระยะทางประมาณ60กม.

                เป็นยังไงบ้างคะ กับ 5 สถานที่น่าเที่ยวในเมืองสุพรรณบุรีเรา แต่เมืองสุพรรณยังมีสถานที่น่าเที่ยวอีกมากมายจนไม่สามารถเที่ยวได้หมดภายในวันเดียวได้ ดังนั้นเราจึงแถมให้อีกหนึ่งที่ สำหรับขาช็อปนะคะ

นั้นก็คือ.... สามชุกตลาดร้อยปี

                สำหรับขาช็อป ตลาดเเห่งนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยความเป็นมาของตลาดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ริมแม่น้ำท่าจีน เดิมเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญแห่งนึงของภาคกลาง มีชาวบ้านนำของป่าจากทิศตะวันตกมาค้าขายให้กับพ่อค้าที่เป็นชาวเรือ เรียกว่าเป็นแหล่งการค้าซึ่งมีสินค้าจากทุกสารทิศให้เลือกสรร จนเมื่อมีการตัดถนนทำให้ตลาดน้ำแห่งนี้ซบเซาลงไปจนกระทั่งเจ้าของที่ดินคิดจะรื้ออาคารตลาดเก่าลง ชาวบ้าน พ่อค้า และครูอาจารย์ที่เล็งเห็นคุณค่าของพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งนี้ได้ร่วมมือกันจัดตั้งเป็นคณะกรรมการและได้ฟื้นฟูตลาดโบราณทรงคุณค่าแห่งนี้ ขึ้น จนกระทั่งได้รับรางวัล มรดกโลกได้ร่วมมือกันจัดตั้งเป็นคณะกรรมการและได้ฟื้นฟูตลาดโบราณทรงคุณค่าแห่งนี้ขึ้นจนกระทั่งได้รับรางวัล มรดกโลก ประเภทอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมแห่งเอเชียแปซิฟิก จากองค์การยูเนสโก ในปี2552 นับเป็นเกียรติยศสูงสุดที่ชาวสุพรรณบุรีและชาวสามชุกภาคภูมิใจ

ที่ตั้ง : โครงการพัฒนาตลาดสามชุกเชิงอนุรักษ์ เริ่มจาก ซอย 1 ถึง ซอย 4 โดยมี ถนนเลียบนที (ริมแม่น้ำ) กับถนนมิตรสัมพันธ์ขนาบไว้ มีป้าย "ตลาดสามชุก" ด้านทิศเหนือและทิศใต้บนถนนมิตรสัมพันธ์เป็นตัวกำหนดขอบเขตในโครงการอนุรักษ์ฯ ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
วันเวลาเปิดทำการ : เปิดทุกวัน การเดินทาง : จากตัวเมืองสุพรรณบุรี ตรงมาตามทางหลวงหมายเลข34 0มุ่งหน้าสู่อำเภอสามชุก เมื่อถึงแยกเข้าที่ว่าการอำเภอสามชุก เลี้ยวซ้ายตรงมาตามทาง เมื่อข้ามสะพานจะพบตลาดอยู่ทางซ้ายมือ



           " ขอขอบคุณ http://www.painaidii.com ที่เป็นเเหล่งข้อมูลสำคัญ เเละขอขอบคุณเจ้าของภาพถ่ายที่ดิฉันนำมาใช้ประกอบในบล็อคนี้ กราบขอบคุณค่ะ "