อุทยานแห่งชาติ พุเตย อำเภอด่านช้าง ดินแดนแห่งขุนเขา ป่าหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดของเมืองสุพรรณ เป็นชายป่าผืนสุดท้ายของป่าห้วยขาแข้ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักเดินทางทีหลงใหลในธรรมชาติ ความสงบเงียบ ป่าเขา น้ำตก ความงดงามงามของดวงอาทิตย์ยามเช้า ไอหมอก ความหนาวเย็น และวิถีชีวิตของชนชาวกระเหรี่ยงสถานที่กางเต็นท์มี 3 จุดใหญ่ๆ ได้แก่ - หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 (ด้านวังคัน-ป่าขี) - ที่ทำการอุทยานฯ พุเตย (ด้านปลักประดู่-ห้วยหินดำ) - หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่ (ด้านปลักประดู่-ตะเพินคี่)
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเขต อุทยานแห่งชาติพุเตย
ป่าสนสองใบธรรมชาติ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1
มีประมาณกว่า 1,300 ต้น อยู่บนเทือกเขาพุเตยเป็น ป่าแปลกมหัศจรรย ์เพราะป่าสนจะเจริญเติบโตในพื้นที่ภูเขาสูงชัน มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตรขึ้นไป แต่ป่าสนแห่งนี้เจริญเติบโตบนพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 763 เมตรเท่านั้นสภาพป่าสมบูรณ์มาก จนได้รับเลือกให้เป็นศูนย์แม่พันธุ์ไม้สนสองใบในภาคกลาง บางต้นมีขนาดใหญ่วัดได้ถึง 2-3 คนโอบ ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 1 (พุเตย) ประมาณ 12 กิโลเมตร
หมู่บ้านกระเหรี่ยงตะเพินคี่ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่
เป็นป่าที่สวยงาม และเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านกะเหรี่ยง ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยมากว่า 200 ปี ผืนป่า และต้นน้ำตะเพินคี่ ยังคงสภาพสมบูรณ์ เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยล่องไพร เป็นดินแดนแห่งความหนาวเย็น ในหน้าหนาวอุณหภูมิจะลดลง 5-6 ํC ยอดเขาเทวดา ที่ความสูงกว่า 1000 เมตร ในวันที่อากาศเหมาะสม นักท่องเที่ยวอาจจะได้ชมทะเลหมอกที่สวยงาม และไปยืนจุดที่เป็น ดินแดนรอยต่อของสามจังหวัด สุพรรณบุรี-อุทัยธานี-กาญจนบุรี การเดินทาง หน้าฝนควรเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนหน้าแล้งรถยนต์นั่งธรรมดาก็สามารถไปได้แต่ควรเป็นรถกระบะ
น้ำตกตะเพินคี่น้อย
เป็นน้ำตกขนาดเล็กอยู่ใกล้กับหมู่บ้านตะเพินคี่ มีน้ำไหลตลอดปี เป็นความงดงามทางธรรมชาติ ที่คนภายนอกไม่ค่อยได้มีโอกาสไปสัมผัส เหมาะสำหรับผู้ที่รักการเดินทางแบบผจญภัยเล็กๆน้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดเล็กมีสองชั้น ความสูงประมาณชั้นละ 5-6 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี เพราะเป็นต้นน้ำและบ่อน้ำผุด ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และยังมีถ้ำที่สวยงามที่ยังอยู่ระหว่างการสำรวจ
วนอุทยานถ้ำเขาวง, ถ้ำพุหวาย
จาก อ.ด่านช้าง ไปทาง อ.บ้านไร่-บ.สะนำ แยกซ้ายไปวนอุทยานฯ ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 1 (พุเตย) รวมระยะทาง 52 ก.ม. ผ่านวัดถ้ำเขาวง
ขอขอบคุณ http://www.suphan.biz เเหล่งข้อมูลสำคัญ
|
เพลง
วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560
อุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี (มังกรสวรรค์)
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี (มังกรสวรรค์)
พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร หมู่บ้านมังกรสวรรค์
และ อุทยานพุทธบัญชา (พระยูไล)
มหัศจรรย์งานสร้าง ด้วยแรงเงิน และแรงศัทธา สถานที่รวบรวมเรื่องราวที่มากคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ห้องเรียนที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่อาจผ่านเลย
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สถานที่เคารพของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร ที่ซึ่งหลายคนเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้แล้ว จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุข และยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว รูปแบบ วิถีชีวิตของชนชาวจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชนชาวไทยเสมือนพี่กับน้อง เป็นสถานที่ที่สวยงาม ควรค่าแก่การแวะชม
พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร หมู่บ้านมังกรสวรรค์
และ อุทยานพุทธบัญชา (พระยูไล)
มหัศจรรย์งานสร้าง ด้วยแรงเงิน และแรงศัทธา สถานที่รวบรวมเรื่องราวที่มากคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ห้องเรียนที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่อาจผ่านเลย
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สถานที่เคารพของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร ที่ซึ่งหลายคนเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้แล้ว จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุข และยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว รูปแบบ วิถีชีวิตของชนชาวจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชนชาวไทยเสมือนพี่กับน้อง เป็นสถานที่ที่สวยงาม ควรค่าแก่การแวะชม
|
วันอังคารที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560
ประวัติของวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อำเภอเมือง กล่าวกันเสมอมาว่า ถ้ามาเมืองสุพรรณ แล้วไม่ได้แวะมากราบไหว้หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ ก็เหมือนมาไม่ถึงเมืองสุพรรณ ด้วยที่วัดป่าเลไลยก์เป็นวัดสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุพรรณ เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นสถานที่หนึ่งในวรรณคดีเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน ในช่วงวันหยุดจะมีผู้คนมากมายมากราบไหว้ขอพร และยิ่งเป็นวันหยุดยาว จะเป็นที่ที่คนนิยมมากเป็นอันดับต้นๆของจังหวัดสุพรรณ ถ้าหากมีโอกาสมาเมืองสุพรรณ สถานที่แรกที่ไม่ควรผ่านเลย... แวะชมความงดงามขอหลวงพ่อโต และกราบไหว้เพื่อเป็นศิริมงคล |
ประวัติวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีอายุราว 1200 ปี ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง อยู่ทางฝั่งตะวันตกของลำน้ำสุพรรณ ห่างจากศาลากลางจังหวัด ประมาณ 4 กิโลเมตร ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าวัดป่า ภายในวิหาร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ปางป่าเลไลยก์ ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า ...พระเจ้ากาเตทรงให้มอญน้อย มาบูรณะวัดป่าเลไลยก์ ภายหลังปี พ.ศ. 1724 เล็กน้อย หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทอง สุพรรณภูมิ (คือประทับนั่งห้อยพระบาท) มีนักปราชญ์หลายท่านว่า เดิมคงเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา สร้างไว้กลางแจ้งอย่างพระพนัญเชิงสมัยแรกต่อมาได้มีการบูรณะ ซ่อมแซมใหม่ และทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ภายในองค์พระพุทธรูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ 36 องค์ ที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลาย วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี หรือท่าจีน ห่างจากฝั่งประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เนื้อที่กว้าง 82 ไร่ 1 งาน มีโบราณสถานอันเป็นประธานของวัด คือ พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ซึ่งเรียกกันว่า “ หลวงพ่อโตวัดป่าไลไลยก์” ตามหลักฐานเดิมสันนิษฐานกันว่า มีอายุในราวสมัยอู่ทอง เนื่องด้วยขณะนั้น ยังไม่ได้มีการศึกษาค้นคว้า จึงเชื่อกันอย่างนั้นเรื่อยมา เมื่อมีการศึกษาค้นคว้าในระยะหลังๆ ทำให้ทราบได้ว่า วัดป่าเลไลยก์น่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า 1000 ปีขึ้นไป โดยมีหลักฐานต่างๆ จากโบราณวัตถุเป็นข้อสนับสนุน อ้างอิง เพียงพอที่จะตั้งเป็นสมมติฐานใหม่ขึ้นได้ หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 23.47 เมตร สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีลายพระหัตถ์ถึงศาสตราจารย์หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรว่า “พระพุทธรูปป่าเลไลยก์ เป็นของเก่าก่อนวัตถุอื่น ลักษณะทันสมัยอู่ทอง และสร้างเป็นพระพุทธรูปปางแสดงพระธรรมจักรเหมือนอย่างพระประทานที่พระปฐมเจดีย์ มีกุฏิครอบเฉพาะองค์พระ มาร้างวิหารต่อชั้นหลัง ส่วนองค์พระนั้นเคยชำรุดถึงพระกรหักหาย คนชั้นหลังปฏิสังขรณ์ เมื่อมีความรู้เรื่องพระแสดงปฐมเทศนาสูญเสียแล้วจึงทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ความกล่าวในข้อนี้ยังมีข้อสังเกตด้วยพระกรเล็กกว่ากันเกือบข้างหนึ่ง และซุ้มเดิมที่สร้างวิหารก็ยังปรากฏอยู่ “ ตามที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระวินิจฉัยว่า หลวงวัดป่าเลไลยก์ มีอายุทันสมัยอู่ทองนั้นมีความจริงอยู่บ้าง โดยความเป็นจริงแล้วอาจจะสูงกว่าสมัยอู่ทองขึ้นถึงสมันลพบุรีและทวารวดีเสียด้วยซ้ำไป เมื่อ พ.ศ. 1706 พระเจ้ากระแต ผู้ซึ่งมีเชื้อสายนเรศวรหงสาววดีพาไพรพลมาครองราชย์ที่เมืองพันธุมบุรี ได้ให้มอญน้อยเป็นเชื้อสายพระวงศ์ของพระองค์ ไปสร้างวัดสนามไชยแล้วมาบูรณะ วัดป่าเลไลยก์ในวัดลานมะขวิด แขวงเมืองพันธุมบุรี เมื่อข้าราชการบูรณะวัดแล้วพากันออกบวชเสียสิ้นสองพันคน จึงขนานนามเมืองใหม่ว่า “เมืองสองพันบุรี” พระเจ้ากาแตอยู่ในราชสมบัติ 40 ปี สวรรคต พ.ศ.1741 ซึ่งในช่วงนี้อยู่ในสมัยลพบุรี โดยพุทธลักษณะของหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์แล้ว พระพักตร์มีเค้าเป็นศิลปะอู่ทองกลาย ๆ เพราะพระหนุ (คาง) เป็นเหลี่ยม ความเป็นจริงแล้วพระหนุเป็นเหลี่ยม นี่ส่อเค้าให้เห็นว่าได้รับอิทธิพลถ่ายทอดมาจากศิลปะทวารวดี หลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ได้รับการบูรณะถึง 3 ครั้ง ครั้งแรก เมือ พ.ศ.1706 โดยมอญน้อย ครั้งที่ 2 ในสมัยอยุธยาตอนปลาย สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์ อมรินทร์ ในราชกาลที่ 3 กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดให้พระยาสีหราชเดโชไชย ไปสร้างวิหารวัดป่าเลไลยก์ ครั้งที่ 3 ในราชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้พระยานิกรบดินทร์ มาบูรณะปฏิสังขรณ์ การบูรณปฏิสังขรณ์ในราชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นั้น อันสืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะที่ยังไม่ได้ครองราชย์ พระองค์ทรงผนวชเสด็จธุดงค์มาจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อนมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลกย์ ทรงพบเห็นวัดป่าเลไลยก์รกร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และปกครองวัด จึงทำให้สภาพของวัดป่าเลไลยก์เสื่อมโทรมมาก เมื่อเข้านมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ แล้วทรงอธิษฐานว่า ถ้าหากได้ขึ้นครองราชย์เมื่อไดก็จะมาบูรณะปฏิสังขรณ์ถวาย เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ในช่วงของการครองราชย์ โปรดเกล้าให้พระยานิกรบดินทร์มาบูรณะปฏิสังขรณ์วัดป่าเลไลยก์ โดยขุดคลองตั้งแต่วัดประตูสาร ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณ ล่องแพซุงเข้าไปจนถึงวัดป่าเลไลยก์ สร้างหลังคาข้างละสองชั้น ทำฝาผนังรอบนอก รวมหลังคาพระวิหาร ข้างละ 5 ชั้น พร้อมซ่อมองค์หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ด้วย สร้างพระพุทธรูปไว้อีก 2 องค์ อยู่ในวิหารเบื้องหน้าหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ทั้งซ้ายและขวา ประดิษฐานตราพระมงกุฏอยู่ที่หน้าบันพระวิหารเป็นเครื่องหมาย ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.watpasuphan.com เเละเจ้าของภาาพที่ข้าพเจ้านำมาใช่้ |
วันอังคารที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2560
5 สถานที่น่าเที่ยว ในเมืองสุพรรณบุรี
เมืองสุพรรณบุรี
ถือว่าเป็นเเหล่งท่องที่สวยกว่าที่ของประเทศไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
เเละสวยงามอยู่มาก อย่าเสียเวลาเรามารู้จัก 5 สถานที่น่าเที่ยว ในเมืองสุพรรณบุรีกันเถอะ ^^
อันดับที่ 1 วัดป่าเลไลย์
วัดเก่าแก่อายุราว 1,200 ปี เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตปางป่าเลไลยก์
พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณบุรี
ที่ตั้ง : ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
การเดินทาง : ตั้งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี
ริมถนนเมืองแมนหรือทางหลวงหมายเลข321
อันดับที่ 2 ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี (มังกรสวรรค์)
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง-มังกรสวรรค์
สถานที่เคารพของชาวไทยเชื้อสายจีน
เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพรที่ซึ่งหลายคนเชื่อว่า
หากได้มากราบไหว้แล้ว จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุข
และยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราวรูปแบบ วิถีชีวิตของชนชาวจีน
ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชนชาวไทยเสมือนพี่กับน้อง
เป็นสถานที่ที่สวยงามและแสดงถึงความภาคภูมิใจของชาวสุพรรณบุรี
เเละที่สำคัญอยู่ใกล้ๆกับสถานที่เเรก ดังนั้น ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง-มังกรสวรรค์ จึงเป็นอีกที่ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ถ้าใครชอบถ่ายรูปกับสถานที่สวยๆ เเล้วละก็ ห้ามพลาด !!!
เป็นยังไงบ้างหล่ะคะ
นี่เป็นเพียงเเค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าใครชอบถ่ายภาพบรรกาศที่สวยงามเเบบนี้
หล่ะก็เชิญเที่ยวชมได้เลยค่าาาา ><
หล่ะก็เชิญเที่ยวชมได้เลยค่าาาา ><
ที่ตั้ง : ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองสุพรรณ จ.สุพรรณบุรี 72000
โทรศัพท์ : 035-521690
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธและวันอังคาร เปิดให้เข้าชมวันละ 7 รอบๆ ละประมาณ หนึ่งชั่วโมงกว่า
รอบแรก
เวลา 10.00 น.รอบสุดท้ายเวลา 16.00 น.
การเดินทาง :
ตั้งอยู่ภายในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี
ให้ขับรถไปยัง
ตำบลโคกช้างอำเภอเดิมบางนางบวช
กม.ที่ 164
อันดับที่ 3 อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี
ถ้าเบื่อบรรกาศตัวเมืองรถเเน่น เเออัดเสียงดัง
ต้องการหนี้ความวุ่นวาย ไปพักผ่อนที่ที่เงิียบสงบ เราเเนะนำที่นี่เลย....
อุทยานแห่งชาติเพียงแห่งเดียวในจังหวัดสุพรรณบุรี ครอบคลุมพื้นที่ 198,422 ไร่ในอำเภอด่านช้าง ประกอบด้วยป่าที่สมบูรณ์เทือกเขาสลับซับซ้อนมีความลาดชันมาก
ถือเป็นป่าที่ให้กำเนิดต้นน้ำลำธารหลายสาย สถานที่ท่องเที่ยวภายในพื้นที่อุทยานฯประกอบด้วย ป่าสนสองใบ ที่ประกอบด้วยต้นสนสองใบตามธรรมชาติกว่า3,000ต้น, น้ำตกตะเพินคี่น้อย
ซึ่งมีน้ำมากตลอดทั้งปีน้ำตกตะเพินคี่
มีถ้ำหินปูนน้อยใหญ่มากมายซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจของทางอุทยาน, หมู่บ้านกะเหรี่ยงตะเพินคี่ ที่ยังคงวิถีชีวิตเรียบง่ายตามธรรมชาติ
ดังที่เคยเป็นมากว่า200ปี ฯลฯ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถกางเต้นท์เพื่อพักแรมได้ในบริเวณที่ทางอุทยานกำหนดให้
เป็นไงบ้างหล่ะค่ะ ถ้าต้องการหนี้ความวุ่นวาย
อยากสัมผัสบรรกาศบนเขาเเบบนี้ ไม่ต้องไปไกล สุพรรณบุรี บ้านเราก็มี
ที่ตั้ง : อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
การเดินทาง : จากตัวเมืองสุพรรณบุรี
มาตามถนนมาลัยแมนหรือทางหลวงหมายเลข321 จนกระทั่งบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 322 เลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่นครสวรรค์
ระยะทางประมาณ7 กม.
ถึงทางแยกท่าเสด็จตรงไปเข้าทางหลวงหมายเลข3460 ระยะทางประมาณ 12 กม. จนบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 333 เลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 60 กม.
จะพบทางแยกซ้ายเข้าสู่ที่ทำการอุทยานฯ
อันดับที่ 4 ปางอุ๋งสุพรรณ อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง
ถ้าเบื่อภูเขาเเต่ต้องการสถานที่ร่มเย็น เงียบสงบ
วิวสวย ขอเเนะนำที่นี่เลยค่าาา ปางอุ๋งสุพรรณ
อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เกิดจากความร่วมมือของชุมชน
ช่วยกันพัฒนาและดูแลพื้นที่ป่าของหมู่บ้าน ให้สามารถรับนักท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย
และเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่
บรรยากาศดี วิวสวย อากาศเย็นสบาย
เหมาะกับการเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือพาครอบครัวไปพักผ่อนมากๆ
ที่ตั้ง : บ้านพุน้ำร้อน ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ค่าพิกัด GPS
14.789441, 99.539139
อันดับที่ 5 บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
บึงธรรมชาติขนาดใหญ่ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
ในพื้นที่กว่า2,000ไร่ ประกอบด้วยเขตห้ามล่าสัตว์ป่า, สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ, สวรรค์แห่งโลกใต้ท้องทะเล
(อุโมงค์ปลา), สวนสัตว์
และอุทยานผักพื้นบ้านเฉลิมพระเกียรติ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่มรื่น อากาศดี มีกิจกรรมเรียนรู้ให้เลือกเที่ยวชมมากมาย
เหมาาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นครอบครัว โดยภายในบึงฉวากมีบริการที่พักแบบรีสอร์ตและร้านอาหาร
เป็นสถานที่ที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง
เป็นที่เหมาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อน
เเละพาลูกหลานไปดูสัตว์ทะเลที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ ในระยะใกล้ชิด
เเละยังมีเเสดงโชว์ที่สนุกอีกมากมาย
ที่ตั้ง
: อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
วันเวลาเปิดทำการ : เปิดทุกวัน 8.00น. - 16.30น.
การเดินทาง
: จากตัวเมืองสุพรรณบุรี ตรงมาตามทางหลวงหมายเลข340 มุ่งหน้าสู่จังหวัดชัยนาท ระยะทางประมาณ60กม.
เป็นยังไงบ้างคะ
กับ 5 สถานที่น่าเที่ยวในเมืองสุพรรณบุรีเรา
แต่เมืองสุพรรณยังมีสถานที่น่าเที่ยวอีกมากมายจนไม่สามารถเที่ยวได้หมดภายในวันเดียวได้
ดังนั้นเราจึงแถมให้อีกหนึ่งที่ สำหรับขาช็อปนะคะ
นั้นก็คือ.... สามชุกตลาดร้อยปี
สำหรับขาช็อป
ตลาดเเห่งนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยความเป็นมาของตลาดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ริมแม่น้ำท่าจีน เดิมเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญแห่งนึงของภาคกลาง
มีชาวบ้านนำของป่าจากทิศตะวันตกมาค้าขายให้กับพ่อค้าที่เป็นชาวเรือ
เรียกว่าเป็นแหล่งการค้าซึ่งมีสินค้าจากทุกสารทิศให้เลือกสรร
จนเมื่อมีการตัดถนนทำให้ตลาดน้ำแห่งนี้ซบเซาลงไปจนกระทั่งเจ้าของที่ดินคิดจะรื้ออาคารตลาดเก่าลง
ชาวบ้าน พ่อค้า
และครูอาจารย์ที่เล็งเห็นคุณค่าของพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งนี้ได้ร่วมมือกันจัดตั้งเป็นคณะกรรมการและได้ฟื้นฟูตลาดโบราณทรงคุณค่าแห่งนี้
ขึ้น จนกระทั่งได้รับรางวัล
มรดกโลกได้ร่วมมือกันจัดตั้งเป็นคณะกรรมการและได้ฟื้นฟูตลาดโบราณทรงคุณค่าแห่งนี้ขึ้นจนกระทั่งได้รับรางวัล
มรดกโลก ประเภทอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมแห่งเอเชียแปซิฟิก จากองค์การยูเนสโก ในปี2552
นับเป็นเกียรติยศสูงสุดที่ชาวสุพรรณบุรีและชาวสามชุกภาคภูมิใจ
ที่ตั้ง
: โครงการพัฒนาตลาดสามชุกเชิงอนุรักษ์ เริ่มจาก ซอย 1 ถึง ซอย 4 โดยมี ถนนเลียบนที
(ริมแม่น้ำ) กับถนนมิตรสัมพันธ์ขนาบไว้ มีป้าย "ตลาดสามชุก"
ด้านทิศเหนือและทิศใต้บนถนนมิตรสัมพันธ์เป็นตัวกำหนดขอบเขตในโครงการอนุรักษ์ฯ
ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
วันเวลาเปิดทำการ
: เปิดทุกวัน การเดินทาง : จากตัวเมืองสุพรรณบุรี ตรงมาตามทางหลวงหมายเลข34
0มุ่งหน้าสู่อำเภอสามชุก เมื่อถึงแยกเข้าที่ว่าการอำเภอสามชุก
เลี้ยวซ้ายตรงมาตามทาง เมื่อข้ามสะพานจะพบตลาดอยู่ทางซ้ายมือ
" ขอขอบคุณ http://www.painaidii.com
ที่เป็นเเหล่งข้อมูลสำคัญ
เเละขอขอบคุณเจ้าของภาพถ่ายที่ดิฉันนำมาใช้ประกอบในบล็อคนี้ กราบขอบคุณค่ะ "
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)